คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแพลตฟอร์มการซื้อขายแบบสังคม (Social Trading)

ขั้นตอนที่ 1: เข้าสู่ระบบ โปรไฟล์ลูกค้า โดยใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ (อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์) และรหัสผ่านจากโปรไฟล์ลูกค้า LiteFinance

ขั้นตอนที่ 2: ทำการฝากเงินอย่างน้อย 300 USD ไปยังบัญชีซื้อขายที่คุณต้องการให้พร้อมสำหรับการคัดลอกในส่วน "การเงิน" หากคุณยังไม่ได้ทำ

ขั้นตอนที่ 3: คลิกชื่อของคุณที่ด้านบนของหน้า เลือก "โปรไฟล์ของฉัน" แล้วคลิก "แก้ไข" ตั้งค่าบัญชีของคุณ ตั้งค่าส่วนแบ่งกำไรของคุณ จำนวนค่าคอมมิชชันของพันธมิตร และจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำสำหรับผู้คัดลอกของคุณ ทำให้บัญชีพร้อมสำหรับการคัดลอก โดยการเพิ่มข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับตัวคุณและกลยุทธ์การซื้อขายของคุณสำหรับผู้คัดลอก เชิญพันธมิตรเจรจาเงื่อนไขความร่วมมือ

เงินฝากขั้นต่ำของนักเทรดคือ 300 USD ซึ่งบัญชีของนักเทรดที่มีเงินฝากน้อยกว่าจำนวนดังกล่าวจะไม่ถูกจัดอันดับในบริการคัดลอกการซื้อขาย

คุณสามารถระบุจำนวนเปอร์เซ็นต์ของกำไรของคุณหลังจากการโรลโอเวอร์ให้กับพันธมิตรที่ดึงดูดผู้คัดลอกเข้ามา ซึ่งเปอร์เซ็นต์จะคำนวณแยกกันสำหรับการโรลโอเวอร์แต่ละครั้งที่เกี่ยวข้องกับการแนะนำผู้คัดลอก

ตัวอย่างเช่น คุณตั้งค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตรที่ 10% และหลังจากโรลโอเวอร์จะได้รับผลกำไร 100 USD จากผู้คัดลอกรายแรก และ 80 USD จากรายที่สอง สมมติว่าผู้คัดลอกรายแรกถูกดึงดูดโดยพันธมิตรของคุณ และรายที่สองไม่ถูกดึงดูด จากนั้น 10 USD จากกำไรโรลโอเวอร์จากผู้คัดลอกแรกจะมอบให้กับพันธมิตรของเขา และกำไรของคุณจะเท่ากับ 90 USD + 80 USD

คุณสามารถดูรายชื่อพันธมิตรทั้งหมดและผู้คัดลอกที่พวกเขาดึงดูดได้ในส่วนโปรไฟล์ของฉัน/พันธมิตรการคัดลอก โปรดทราบว่าคุณสามารถตั้งค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตรเป็นรายบุคคลได้ โดยที่คลิกที่ชื่อเล่นของพันธมิตรเพื่อแก้ไขอัตราค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตร

หมายเหตุ! อัตราค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตรที่ระบุในการตั้งค่าบัญชีของนักเทรดจะถูกนำไปใช้กับผลลัพธ์ของการโรลโอเวอร์ที่ทำกำไรได้โดยอัตโนมัติ หากผู้คัดลอกมีพันธมิตร

ดังนั้น เราแนะนำให้ตั้งค่าอัตราค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตรเป็นศูนย์ในการตั้งค่าบัญชีของนักเทรด ให้กำหนดอัตราของพันธมิตรแต่ละรายแทน คุณสามารถพิจารณาเกี่ยวกับเงื่อนไขความร่วมมือที่เหมาะสมกับพันธมิตรแต่ละรายได้ ซึ่งได้ระบุในส่วน "เกี่ยวกับฉัน" ของคุณว่าผู้ที่สนใจในความร่วมมือควรส่งข้อความถึงคุณโดยตรง พวกเขาสามารถทำได้โดยคลิกที่ปุ่ม "เขียนข้อความ" ในหน้า "ข้อมูลเกี่ยวกับนักเทรด"

ทันทีที่คุณทำให้สามารถเข้าถึงได้สำหรับการซื้อขายแบบคัดลอก บัญชีของคุณจะขึ้นหรือลงในขณะที่คุณซื้อขายตามผลกำไรการซื้อขายของคุณ

คอมมิชชั่นจะถูกโอนจากบัญชีคัดลอกของเทรดเดอร์ไปยังบัญชีของเทรดเดอร์หลังจากที่ดำเนินการโรลโอเวอร์แล้ว เช่น เมื่อช่วงการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์แล้ว คอมมิชชั่นจะจ่ายเฉพาะในกรณีที่เทรดเดอร์ที่คัดลอกที่แนบมาได้ลงทะเบียนกำไรจากการซื้อขายที่คัดลอกมาจากช่วงเวลาโรลโอเวอร์ล่าสุดที่ได้แนบมา การโรลโอเวอร์จะดำเนินการโดยอัตโนมัติทุก 24 ชั่วโมงเวลา 01:00 น. (ตามเวลาที่ระบุไว้ในแพลตฟอร์มการซื้อขาย)

โรลโอเวอร์ เป็นขั้นตอนการชำระระหว่างเทรดเดอร์กับเทรดเดอร์ที่คัดลอกการซื้อขาย ทั้งนี้ โรลโอเวอร์มีความหมายว่า ระยะเวลาการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์และเริ่มมีการเริ่มทำการซื้อขายใหม่ หากผลกำไรได้รับการลงทะเบียนเมื่อสิ้นสุดลง ระยะเวลาการซื้อขายผู้ค้าจะได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการของการคัดลอกการขาย ในทางตรงกันข้ามการโรลโอเวอร์จะไม่ได้รับการดำเนินการหากไม่มีการลงทะเบียนผลกำไรใด ๆ

โรลโอเวอร์ เป็นการดำเดินการแบบอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง 01:00 (เวลาที่ระบุไว้ในแพลตฟอร์มการเทรด)

ทุกครั้งที่ผู้คัดลอกแยกบัญชีของตนออกจากนักเทรดหรือถอนเงินออกจากบัญชีตน โรลโอเวอร์จะดำเนินการโดยอัตโนมัติในบัญชีของผู้คัดลอก

ซึ่งโรลโอเวอร์จะไม่ปิดการซื้อขายใดๆ ขั้นตอนนี้มีไว้สำหรับการชำระบัญชีระหว่างนักเทรดและผู้คัดลอกเกี่ยวกับผลกำไรที่ได้จากการซื้อขายที่ปิดไปแล้วในจำนวนส่วนแบ่งกำไรที่นักเทรดกำหนดไว้ล่วงหน้า

การชำระบัญชีของนักเทรดหมายความว่าบัญชีจะไม่ถูกใช้เป็นบัญชีของนักเทรดอีกต่อไปและบัญชีของผู้คัดลอกทั้งหมดจะถูกแยกออกจากบัญชีดังกล่าว การชำระบัญชีของนักเทรดต้องมาก่อนด้วยโรลโอเวอร์ หากต้องการเริ่มการชำระบัญชี ให้ปิดปุ่ม "ทำให้พร้อมใช้งานสำหรับคัดลอกการซื้อขาย" ใน การตั้งค่าโปรไฟล์ของนักเทรด

การเปิดเทรดจะถูกปิดที่ราคาเหมาะสมขณะทำการลบบัญชี

นี่คือตัวอย่าง

สมมุติว่า เทรดเดอร์ได้เติมเงินทุนของผ่านการเทรดจาก 500 ดอลลาร์เป็น 550 ดอลลาร์ ลงทะเบียนผลกำไร 10% เทรดเดอร์ได้เปิดเทรดใหม่และตัดสินใจที่จะถอนกำไร 50 ดอลลาร์ จำนวนรวมของ Equity จะเท่ากับ 500 ดอลลาร์ และผลกำไรยังคงอยู่ที่ 10%

การเทรดใหม่กลายเป็นขาดทุนและ ​Equity บัญชีลดลงเป็น 450 ดอลลาร์ บางคนคิดว่าผลกำไรควรจะเท่ากับ 0% แต่อย่างที่คุณทราบว่า ​Equity ในบัญชีลดลง 10.1% ไม่ใช่ 10% ตามที่มีการเปิดเทรดใหม่

((550/500*450/500)-1)*100%=-1%

ตามผลลัพธ์ การจัดอันดับจะแสดงผลกำไรที่ -1% ยิ่ง Equity เปลี่ยนแปลงเนื่องจากการทำยอดคงเหลือ ผลกำไรก็จะเปลี่ยนแปลงในการจัดอันดับหลังจากการทำยอดคงเหลืออื่นๆ มาก

1. เติมเงินเข้าบัญชีที่คุณจะทำการคัดลอกเทรดผ่านส่วน " การเงิน "

2. ย้ายไปที่ส่วน เทรดเดอร์ คลิกที่ชื่อเล่นเทรดเดอร์ที่คุณสนใจ

3. ทางด้านขวามือของชาร์ตการทำกำไรที่เปิดขึ้น ให้ตั้งค่าพารามิเตอร์บัญชีของคุณ คือเลือกหนึ่งใน 4 ประเภทการคัดลอก กำหนดระดับ Equity เพื่อการคัดลอกเทรดใหม่ที่จะถูกระงับ ซึ่งระบุจำนวนเงินที่ต้องการคัดลอกและคลิกที่ "คัดลอก" รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าการคัดลอกและเงื่อนไขการหยุดคัดลอกอยู่ด้านล่างนี้

แพลตฟอร์ม Social Trading มีสำเนาธุรกรรม 4 ประเภท นักเทรดผู้คัดลอกจะเลือกประเภทและตั้งค่าการคัดลอกเมื่อบัญชีของคุณเชื่อมโยงกับบัญชีนักเทรด โดยที่ผู้คัดลอกจะต้องจัดการกับปัญหาในการเลือกประเภทของการคัดลอก ประมาณการเงินทุนและกลยุทธ์การซื้อขายของบัญชีนักเทรดที่ต้องการคัดลอกธุรกรรมอย่างรอบคอบ

หากจำนวนเงินของคุณแตกต่างจากจำนวนอิควิตี้ของนักเทรดมาก และประสบการณ์ของคุณไม่เพียงพอสำหรับการประเมินกลยุทธ์ของนักเทรด ให้ใช้ตัวเลือก "การคัดลอกหุ้นคงที่ตามทุนของฉัน (Copying a fixed share of my equity)" เพื่อลดความเสี่ยงในการซื้อขาย

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและภาพประกอบโปรดดูหัวข้อ "การคัดลอก 4 ประเภท" ในหน้า "สังคมการซื้อขายทำงานอย่างไร"

นอกจากนี้เราแนะนำให้คุณทำความคุ้นเคยกับคำอธิบายบัญชีของเทรดเดอร์ก่อนที่คุณจะเลือกประเภทการคัดลอกและตั้งค่าพารามิเตอร์ หากไม่มี คุณสามารถถามเทรดเดอร์ของคุณได้ตลอดเวลาโดยส่งข้อความส่วนตัวถึงเขา เพื่อต้องการส่งข้อความให้คลิกปุ่ม "เขียนข้อความ" ในหน้า "ข้อมูลเทรดเดอร์"

การถอนเงินจากบัญชีการคัดลอกจะเปิดโรลโอเวอร์โดยอัตโนมัติ ในเวลาเดียวกัน ค่าคอมมิชชั่นของนักเทรดจะถูกหักออกจากเงินที่จะถอนออก ซึ่งใช้สูตรต่อไปนี้:

Available funds= Equity-Credit-Margin-Commission

ซึ่งค่าคอมมิสชั่น หมายถึงการชำระเงินเทรดคัดลอกที่ปิดในปัจจุบันโดยเทรดเดอร์ (เช่น ค่าคอมมิชชั่นที่กำหนดซึ่งจะถูกหักออกจากบัญชีหากดำเนินการโรลโอเวอร์)

เพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคัดลอกการซื้อขาย นักเทรดแบบคัดลอกสามารถตั้งค่าเงื่อนไขการหยุดการคัดลอกไว้ล่วงหน้าในสกุลเงินบัญชีของพวกเขาได้ หากการขาดทุน/กำไรจากจำนวนการคัดลอกเริ่มต้นถึงค่านี้ การคัดลอกการซื้อขายจะหยุดในบัญชีนี้ทันที

ตัวอย่างเช่น คุณได้ตั้งค่าพารามิเตอร์คัดลอกการซื้อขายต่อไปนี้:

• จำนวนเงินสำหรับการคัดลอกการซื้อขาย: 1,000 USD
• การสูญเสียสูงสุด: -100 USD

ซึ่งหมายความว่าการคัดลอกการซื้อขายจะหยุดเฉพาะเมื่อคุณสูญเสีย 100 USD จากจำนวนเงินสำหรับการคัดลอกการซื้อขาย และเงินฝากของคุณเท่ากับ 900 USD (1,000 USD - 100 USD)

สมมติว่าคุณเริ่มคัดลอกการซื้อขายและได้รับ 300 USD ขณะนี้คุณมีเงิน 1,300 USD ในบัญชีของคุณ

จากนั้น คุณสูญเสียเงิน 100 USD คัดลอกการซื้อขาย จะไม่หยุด เนื่องจากคุณยังมีเงิน 1,200 USD ในบัญชีของคุณ (1,000 USD + 300 USD - 100 USD)

เพื่อให้กระบวนการคัดลอกการซื้อขายหยุดลง เงินฝากคงเหลือของคุณจะต้องน้อยกว่าจำนวนเงินเริ่มต้นสำหรับการคัดลอกการซื้อขาย 100 USD ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องสูญเสีย 400 USD (100 USD+300 USD) ซึ่งเป็นผลกำไรที่นำมาพิจารณา

จำนวนดุลภาคในบัญชีของนักเทรดแบบคัดลอกจะเทียบกับระดับหยุดคัดลอกทุก 15 วินาที

นอกจากนี้คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงโดยการเลือกประเภทการคัดลอกเฉพาะ เช่น การคัดลอกเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ของแต่ละเทรดของเทรดเอร์ หรือการคัดลอกส่วนแบ่งคงที่ Equity ของคุณ หากคุณตั้งค่าเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยของปริมาณเทรดที่คัดลอก หรือใช้ส่วนแบ่งคงที่ของ Equity คุณสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ แต่ในเวลาเดียวกันผลกำไรจะลดตามลำดับ

ได้ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการหยุดคัดลอก ประเภทที่คัดลอกและตั้งค่าบัญชีได้ทุกเมื่อ

ควรพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่าการเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกับการเทรดกำลังเปิดและจะนำไปใช้กับการเทรดแบบคัดลอกในอนาคตทั้งหมด

คุณสามารถคัดลอกเทรดเดอร์ได้มากเท่าที่คุณต้องการ การกระจายเงินทุนจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงประสิทธิภาพการคัดลอกเทรดได้สูงสุด คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าการคัดลอกเทรดสำหรับเทรดเดอร์แต่ละรายได้

ด้วยเหตุผลบางประการดังนี้

- มีจำนวนเงินในบัญชีไม่เพียงพอของเทรดเอดร์ที่กำลังทำการคัดลอกเพื่อเปิดตำแหน่งใหม่;

- การคัดลอกถูกปิดใช้งานสำหรับโปรไฟล์ของเทรดเดอร์ที่กำลังทำการคัดลอกหรือเทรดเดอร์ที่คัดลอกเทรดแต่เพียงผู้เดียว

ใช่ เทรดเดอร์สามารถเปลี่ยนขนาดของส่วนแบ่งกำไรในทุกช่วงเวลา, แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลเฉพาะกับ copying traders ใหม่ที่แนบอยู่หลังจากเปอร์เซ็นต์กำไรใหม่ที่ได้ตั้งเอาไว้แล้ว บัญชีที่แนบอยู่ทั้งหมดในปัจจุบันของ copying traders จะดำเนินการตามเงื่อนไขที่มีอยู่แล้วในเวลาของพวกเขาที่แนบมา

ความพิเศษของประเภทการคัดลอกการซื้อขายนี้คือปริมาณของการซื้อขายที่คัดลอกจะปัดเศษเป็นล็อตขั้นต่ำ 0,01 หากมันน้อยกว่าค่านั้น แต่ถ้านักเทรดแบบคัดลอกไม่มีดุลภาคเพียงพอในบัญชีของพวกเขา และจำนวนดุลภาคของพวกเขาแตกต่างจากของนักเทรดอย่างมาก การปัดเศษอาจรบกวนอัตราส่วนปริมาณการคัดลอกและส่งผลให้เกิด Stop Out อย่างรวดเร็ว

หากเปิดการใช้งานตัวเลือก "คัดลอกคำสั่งที่เปิดอยู่" ตราสารทุนของนักเทรดและผู้คัดลอกอาจเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เป็นสัดส่วนด้วยเหตุผลที่กล่าวถึงไว้ข้างต้น

เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่นักเทรดเติมเงินเข้าบัญชีของพวกเขา แต่บัญชีคัดลอกการซื้อขายไม่ได้รับการเติมเงิน

ในการคำนวณค่าคอมมิชชันของนักเทรด เราได้ประเมินกำไรคงที่ที่สะสมไว้ตั้งแต่การโรลโอเวอร์ครั้งล่าสุดและมูลค่าการขาดทุนแบบลอยตัวในช่วงเวลาของการโรลโอเวอร์ เมื่อนักเทรดปิดการซื้อขายที่มีกำไร พวกเขาจะไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นจนกว่ากำไรคงที่ทั้งหมดจะเกินผลขาดทุนที่ไม่ได้บันทึก ในกรณีนั้น นักเทรดจะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากส่วนต่างระหว่างกำไรและการขาดทุนที่ไม่ได้บันทึก และพวกเขาไม่จำเป็นต้องปิดการซื้อขายเพื่อสิ่งนั้น มันก็เพียงพอแล้วที่จะมีการซื้อขายแบบเปิดซึ่งการขาดทุนแบบลอยตัวจะลดลงในช่วงเวลาของการโรลโอเวอร์จนถึงขอบเขตที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กล่าวถึงข้างต้น

สิ่งที่ควรให้ความสำคัญ! จำนวนกำไรคงที่จะลดลงตามจำนวนเงินที่จ่ายค่าคอมมิชชั่นไปแล้วระหว่างการโรลโอเวอร์ในครั้งก่อน

ตัวอย่าง: เทรดเดอร์มีกำไรคงที่ $100 นับตั้งแต่ตอนเริ่มต้นคัดลอก ณ ตอนทำโรลโอเวอร์ครั้งแรก ปรากฎว่าส่วนต่างระหว่างกำไรคงที่กับผลขาดทุนลอยตัวอยู่ที่ $30 เทรดเดอร์รับคอมมิชชันจาก $30 ขณะที่จำนวนกำไรคงที่ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นคัดลอกจะลดลงเหลิอ $70 ณ ตอนเริ่มต้นของโรลโอเวอร์ครั้งต่อไป เทรดเดอร์ไม่ได้ปิดการเทรดใหม่เลย แต่ผลขาดทุนลอยตัวลดลงเนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดและเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนกำไร ซึ่งตอนนี้ที่ $70 แตกต่างกันอยู่ $20 เทรดเดอร์ได้รับคอมมิชชันจาก $20 และจำนวนกำไรคงที่ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นคัดลอกลดลงจากจำนวนนี้อีกครั้งและตอนนี้เท่ากับ $50

จากนั้นเทรดเดอร์ปิดการเทรดที่ทำกำไรและจำนวนกำไรคงที่ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นคัดลอกเพิ่มขึ้น $10 เมื่อโรลโอเวอร์ครั้งหน้ามาถึง ผลขาดทุนลอยตัวจะเปรียบเทียบกับกำไร 50+10 = $60 และคอมมิชชันจะจ่ายจากส่วนต่างของมูลค่านี้

ผลกำไรจะคำนวณโดยใช้สูตรนี้

P=((E_end_1/E_begin_1)*(E_end_2/E_begin_2)*...*(E_end_N/E_begin_N)-1)*100%, ที่ไหน:

P หมายถึง "ผลกำไรใน %"

E_begin_X หมายถึง "เงินทุนที่มีอยู่ ณ ระยะเวลาเริ่มต้น X"

E_end_X หมายถึง "เงินที่มีอยู่ ณ ระยะเวลาสิ้นสุด X"

N หมายถึง "ระยะเวลาที่ทำการชำระล่าสุด"

การโรลโอเวอร์ถือเป็นการสิ้นสุดระยะเวลาการซื้อขายและการเริ่มต้นของช่วงเวลาการซื้อขายอื่น สูตรคำนวณความสามารถในการทำกำไรเป็น % เมื่อบัญชีได้รับการจัดอันดับในการจัดอันดับของนักเทรด

การทำกำไรของเทรดเดอร์ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์การเทรด การฝากเงินและถอนเงินไม่มีผลต่ออัตราการทำกำไรในบัญชี สิ่งนี้จะถูกนำมาพิจารณาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงยอดเงินบัญชีเนื่องจากการดำเนินงานยอดคงเหลือ

นี่คือตัวอย่าง

สมมติว่า ทำการฝากเงิน 500 ดอลลาร์เข้าบัญชีเทรดเดอร์ เมื่อเวลาผ่านไป เงินฝากลดลงเหลือ 100 ดอลลาร์ ตามผลของการทำธุรกรรมที่ไม่สำเร็จ ซึ่งน้อยกว่า 80% และจะแสดงอยู่ในการจัดอันดับ

เพื่อให้อัตราผลกำไรไปถึงระดับคุ้มทุน เทรดเดอร์ต้องเพิ่มเงินทุนห้าเท่า (จาก 100 ดอลลาร์ เป็น 500 ดอลลาร์) โดยวิธีเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ

เทรดเดอร์ตัดสินใจที่จะเติมเงินเข้าบัญชี 50 ดอลลาร์ เพื่อออกจากการขาดทุนสะสม (Drawdown)ให้ง่ายมากขึ้น ตอนนี้เงินฝากเท่ากับ 150 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามการทำกำไรของบัญชียังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ -80%

สมมติว่า บัญชีเงินฝากเท่ากับยอดเริ่มต้น 500 ดอลลาร์ เป็นผลของการทำธุรกรรมที่มีกำไรในดำเนินการของบัญชี

การทำกำไร = ((100/500*500/150)-1)*100 = 33.33%

โปรดทราบว่า การเพิ่มเงินฝากห้าเท่าไม่ได้ทำให้บัญชีออกจากการขาดทุนสะสม (Drawdown) ตั้งแต่เทรดเดอร์ได้ทำการฝากเงินเพิ่ม 50 ดอลลาร์ จำนวนรวมทั้งหมดเป็น 150 ดอลลาร์ การฝากได้เพิ่มขึ้นห้าเท่า ซึ่งหมายความว่าเพื่อออกจากการขาดทุนสะสม เทรดเดอร์ต้องเพิ่มเงินฝากในบัญชีถึง 750 ดอลลาร์

เช่น ต้องมีกำไรจากการเทรด 250 ดอลลาร์ เพื่อที่จะออกจากการขาดทุนสะสม (Drawdown)

การทำกำไร = ((100/500*750/150)-1)*100 = 0%

เงินฝากมากที่สุด คือ ค่าสูงสุดของพารามิเตอร์เงินฝากบัญชี ที่แสดงในตารางการจัดอันดับเทรดเดอร์

อัตราการใช้เงินฝากคือร้อยละการใช้ Equity ของบัญชีเป็นมาร์จิ้นสำหรับคำสั่งเปิด

ซึ่งคำนวณโดยใช้สูตร

Margin / Equity * 100(%), ที่ซึ่ง:

มาร์จิ้น – จำนวนเงินฝากที่ต้องการเพื่อเปิดตำแหน่ง

Equity – Equity ของบัญชีในปัจจุบัน

จุดขาดทุนต่อเนื่องสูงสุด แสดงเปอร์เซ็นต์การขาดทุนในบัญชี

ซึ่งคำนวณโดยใช้สูตร

Max ((MaximalPeak - NextMinimalPeak) / (MaximalPeak + 100) * 100) (%), ที่ซึ่ง:

Max — ค่าขาดทุนต่อเนื่องสูงที่สุด

MaximalPeak — มูลค่าสูงสุดที่สอดคล้องกับ Max ในชาร์ตผลกำไร

NextMinimalPeak — มูลค่าต่ำสุดตาม NextMinimalPeak ในชาร์ตผลกำไร

ตัวอย่างการคำนวณค่า Relative Drawdown สำหรับชาร์ตข้างบน

มาลองประเมินค่า Extremums ของชาร์ตการทำกำไร ("H" สำหรับค่าสูงที่สุดและ "L" สำหรับค่าต่ำที่สุด)

H1 = 80%, L1= 50%;

H2 = 90%, L2 = 35%;

H3 = 135%, L3 = 40%;

H4= 195%, L4 = 65%.

ค่า Relative Drawdown คำนวณได้ดังนี้

PercentDrawDown1 = (H1 - L1) / (H1 + 100) * 100 = (80 - 50) / (80 + 100) х 100 = 16,67%

PercentDrawDown2 = (H2 - L2) / (H2 + 100) * 100 = (90 - 35) / (90 + 100) х 100 = 28,95%

PercentDrawDown3 = (H3 - L3) / (H3 + 100) * 100 = (135 - 40) / (135 + 100) х 100 = 40,43%

PercentDrawDown4 = (H4 - L4) / (H4 + 100) * 100 = (195 - 65) / (195 + 100) х 100 = 44,07%

MaxRelativeDrawdown = 44,07%

ในช่วงเดือนแรกของการซื้อขาย บัญชีของนักเทรดถือว่าเป็นบัญชีใหม่และมีจุดความเสี่ยง 6 จุด ดังนั้น Copying Trader จึงได้รับคําเตือนว่าบัญชีนี้อยู่ในหมวดหมู่ที่มีความเสี่ยงสูง หลังจากสิ้นสุดระยะเวลานี้ ปัจจัยความเสี่ยงของบัญชีจะถูกคํานวณใหม่ทุกชั่วโมงตามกฎที่อธิบายไว้ด้านล่าง

บัญชีเทรดเดอร์จะถูกจัดประเภทบนพื้นฐานของอัตราความเสี่ยง

ความเสี่ยง 1-3 (ทำเครื่องหมายสีเขียว) บัญชีเทรดเดอร์ใช้กลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ปกติแล้วหมายถึงไม่มีการเทรดในระหว่างการเผยแพร่ข่าว (ในช่วงความผันผวนสูง) และไม่มีตำแหน่งใหญ่ๆ (เมื่อเทียบกับจำนวนเงินในบัญชี)

ความเสี่ยง 4-7 (ทำเครื่องหมายสีเหลือง) บัญชีเทรดเดอร์ช่วยให้ Drawdown และ Deposit Load อยู่ในระดับปานกลาง รวมทั้งปริมาณเทรดก็ปานกลาง

ความเสี่ยง 7-10 (ทำเครื่องหมายสีแดง) โดยปกติเป็นบัญชีใหม่ของเทรดเดอร์จะใช้กลยุทธ์การเทรดเชิงรุก Deposit Load สูงและเทรดในเวลาข่าว บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์จะไม่ทำตามกลยุทธ์การเทรด

ระดับความเสี่ยงของบัญชีเทรดเดอร์ขึ้นอยู่บนพื้นฐานของประวัติการเทรดของเทรดเดอร์และมีการคำนวณโดยอัตโนมัติตามพารามิเตอร์นี้ (ระดับอิทธิพลของแต่ละพารามิเตอร์กับคะแนนที่มีการระบุไว้ในวงเล็บ)

1. 1. จุดขาดทุนต่อเนื่องสูงสุด (Maximum Relative Drawdown) (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,5)
2. 2. อัตราการใช้เงินฝากสูงที่สุด (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,3)
3. 3. เลเวอเรจ (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,1)
4. 4. อายุการใช้งานบัญชี (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,1)

แต่ละพารามิเตอร์ข้างต้นมีขนาดของตัวเองจาก 1 ถึง 10 และน้ำหนักของตัวเองในการประเมินความเสี่ยง รวมอัตราความเสี่ยงทั้งหมดเป็นค่าที่ปัดเศษเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้ที่สุด

ดังนั้น อัตราความเสี่ยงทั้งหมดจะถูกกำหนดโดยข้อสรุปการรวมจุดสำหรับแต่ละพารามิเตอร์คูณด้วยปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) ของตัวเอง

ความเสี่ยง = จุดของการขาดทุนต่อเนื่องสูงสุด * 0,5 + จุดอัตราการใช้เงินฝาก * 0,3 + จุดของเลเวอเรจ * 0,1 + จุดของอายุการใช้งานบัญชี * 0,1

1. จุดขาดทุนต่อเนื่องสูงสุด (Maximum Relative Drawdown) (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,5)

2. อัตราการใช้เงินฝากสูงที่สุด (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,3)

3. เลเวอเรจ (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,1)

4. อายุการใช้งานบัญชี (ปัจจัยน้ำหนัก (Weight Factor) 0,1)

ตัวอย่าง

สมมติว่าบัญชีมีพารามิเตอร์และจุดต่อไปนี้ (โดยไม่พิจารณาปัจจัยน้ำหนัก)

จุดขาดทุนต่อเนื่องสูงสุด (Maximum Relative Drawdown): 22,5% = 5 จุด;

อัตราการใช้เงินฝากสูงที่สุด: 11,32% = 3 จุด;

เลเวอเรจ: 1:400 = 10 จุด;

อายุการใช้งานบัญชี: 84 วัน = 10 จุด;

ดังนั้น อัตราความเสี่ยงกับปัจจัยน้ำหนักจะถูกพิจารณาด้วยการคำนวณดังนี้

ความเสี่ยง = 5 * 0,5 + 3 * 0,3 + 10 * 0,1 + 10 * 0,1 = 5.4 ≈ 5